หลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
“โลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยไป จะอยู่ที่โน่นก็เปลี่ยนแปลง อยู่ที่นี่หรือที่ไหนก็เปลี่ยนแปลงเพราะพวกเราทั้งหลายอยู่ได้ด้วย การเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราก็อยู่ไม่ได้ หายใจ ออกมาแล้วก็เปลี่ยนเป็นหายใจเข้า แล้วก็หายใจออก ไม่เช่นนั้น ก็อยู่ไม่ได้ ออกไปหมดก็อยู่ไม่ได้ ลมเข้ามาแล้วไม่ออกก็อยู่ไม่ได้ เราทั้งหลายอยู่ในโลกนี้ก็เป็นของโลก มันเป็นของๆ โลก ไม่ควร ทำความน้อยใจ ไม่ควรทำความเสียใจใดๆ เราต้องเป็นผู้มีจิตใจ เข้มแข็ง จะตกไปอยู่ที่ไหนก็สร้างแต่คุณงามความดี แม้หมดชีวิต ก็อย่าทิ้งคุณงามความดี “
นามเดิม ชา ช่วงโชติ กำเนิด 17 มิ.ย. 2461
สถานที่เกิด อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
อุปสมบท
อุปสมบท ณ วัดก่อใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2482 โดยมี พระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ สมณศักดิ์ พระโพธิญาณเถร
มรณภาพ
16 ม.ค. 2535 อายุ 74 ปี 53 พรรษา
หลวงปู่เกิดในครอบครัวที่อบอุ่น มั่งคั่ง และมักเกื้อหนุนสงเคราะห์ผู้ยากไร้อยู่เสมอ ท่านเป็นเด็กวัดตั้งแต่ อายุยังน้อย และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านก่อ เมื่ออายุได้ 13 ปี ลาสิกขาเมื่ออายุได้ 16 ปี แต่อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุได้ 21 ปี หลวงปู่ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดก่อใน จนกระทั่งต้นปีพ.ศ. 2489 หลวงปู่จึงได้เริ่ม ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อหาครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่ง และได้เข้ากราบนมัสการ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พระอาจารย์มั่นได้ให้โอวาท และปรารภเรื่องนิกายว่า “ถ้าถือพระวินัย เป็นหลัก ก็ไม่ต้องสงสัยในนิกายทั้งสอง ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็น ต้องญัตติเข้าธรรมยุตินิกาย ด้วยทางมหานิกาย จำเป็นต้องมีพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเช่นเดียวกัน” ด้วยเหตุนี้เอง หลวงปู่จึงมิได้ขอญัตติเป็นธรรมยุติเช่นเดียวกับ ศิษย์ของพระอาจารย์มั่นทั้งหลาย หลังจากเข้ากราบนมัสการพระอาจารย์มั่นแล้ว ท่านเกิดศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนักถึงกับ เปรียบเทียบว่า “คนตาดีเมื่อพบดวงไฟก็มองเห็นแสงสว่าง ส่วนคนตาบอดนั้น ถึงจะนั่งเฝ้าดวงไฟก็มองไม่เห็นอะไร” ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ของพระอาจารย์มั่น ได้ถูกนำมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับพระ-เณร เมื่อหลวงปู่ได้กลับมาพัฒนาวัดหนองป่าพงในช่วงบั้นปลายชีวิต จนกระทั่งมีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงต่างแดน มีชาวต่างประเทศเลื่อมใส ศรัทธาขอบวชกับหลวงปู่เป็นจำนวนมาก ท่านจึงได้สร้างวัดป่านานาชาติ เพื่อให้ภิกษุชาวต่างชาติ ได้มีโอกาสใช้เป็นที่พำนักฝึกปฏิบัติธรรม นอกจากนั้นยังได้สร้างวัดสาขาของวัดหนองป่าพง เพื่อเผยแพร่พระศาสนาไปยังทั่วทุกภาค ของประเทศ จึงนับได้ว่าหลวงปู่เป็นผู้มีพระคุณอย่างใหญ่หลวงต่อศาสนิกชนทั้งหลาย ควรแก่การเทิดทูนบูชายิ่ง