เราทุกคนควรเห็นความสำคัญของการสร้างสันติภาพภายในใจด้วยวิธีการทำสมาธิ เพราะเมื่อสันติภาพเกิดขึ้นในใจของมนุษย์ทุกคนแล้ว การสร้างสันติภาพให้กับโลกก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
สมาธิ คือพลังที่จะนำไปสู่สันติภาพได้อย่างแท้จริง ด้วยสมาธิเป็นความสงบ สบายและความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้ เป็นข้อควรปฏิบัติเพื่อการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ
อนึ่งยามใดเกิดพายุและลมจัด ผิวน้ำของทะเลสาบจะมีแต่ริ้วและคลื่นเต็มไปหมด จนเราไม่สามารถจะมองเห็นภาพสะท้อนอันสวยงามของทิวทัศน์รอบๆ ทะเลสาปนั้นได้ แต่ในยามสงบไม่มีลมพายุพัด ผิวน้ำจะใสปราศจากคลื่นจนเราสามารถมองเห็นปลาว่ายน้ำไปมา และเห็นแม้กระทั่งก้นบึ้งของทะเลสาบนั้นได้ ในขณะเดียวกันจะสะท้อนให้เราเห็นภาพอันสวยสดงดงามของทิวทัศน์รอบๆ ทะเลสาบนั้น เช่นเดียวกัน ถ้าจิตใจเราเต็มไปด้วยความครุ่นคิดเราก็ไม่สามารถจะมองลึกเข้าไปภายในตัวเราให้เราเห็นภาพที่แท้จริงที่อยู่ภายในเรา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องสงบจิตใจของเราเพื่อจะได้ภาพที่ชัดเจนของเราเอง และเพื่อเราจะได้ดึงข้อมูลต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้ในจิตใต้สำนึกออกมาใช้ได้ และเป็นหนทางเดียวที่เราจะได้รับภาพจากจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นแหล่งเก็บความรู้ทั้งมวลและสติปัญญาด้วย
การฝึกสมาธิเป็นประโยชน์มากต่อการพัฒนาความจำให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอนเด็กๆ ที่ฝึกสมาธิเป็นประจำจะได้รับผลประโยชน์มากและถ้าฝึกเป็นประจำ เขาจะรู้สึกว่ามีความสุขมาก และพบว่าอารมณ์ต่างๆ เช่น โกรธ โลภ หลงและอิจฉา จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และปัญญาก็จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ภายในใจจะเห็นภาพและมีความเข้าใจในความรู้ต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปมักจะได้ปัญญาที่แวบเข้ามาในสมองด้วยวิธีนี้ ซึ่งทำให้เขาได้ค้นพบการประดิษฐ์และทฤษฎีต่างๆ ที่ทำให้เขามีชื่อเสียง เช่น นิวตันค้นพบกฏของความโน้มถ่วงขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลอย่างมีสมาธิ ไม่ใช่ในห้องทดลองที่เขาปฏิบัติการอยู่ ไม่เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแรงดลใจต่างๆ เท่า
สมาธิคืออะไร
คำว่าสมาธินั้นทุกคนล้วนแต่มีความรู้สึกเดียวกันว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งมวลซึ่งถ้าใครก็แล้วแต่ที่สามารถทำสมาธิได้ดีชีวิตของบุคคลนั้นจะถูกพัฒนาขึ้นอย่างอัศจรรย์เลยทีเดียว คือจากล้มเหลวเป็นสำเร็จ จากดีเป็นดียิ่งๆขึ้นไป จากดีเป็นดียิ่งๆขึ้นไป จากคนโง่เป็นคนที่ฉลาด จากคนที่ฉลาดเป็นคนที่ฉลาดยิ่งๆขึ้น จากคนที่มีทุกข์กลายเป็นคนที่มีความสุข และจากคนที่มีความสุขก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเหตุนี้เองที่มนุษย์ทุกๆคน อยากจะเป็นผู้ที่สามารถทำสมาธิได้ดี แต่เมื่อได้ทดลองทำแล้ว ก็มีความรู้สึกว่า การฝึกสมาธินั้นเป็นการยากมากๆ เป็นสิ่งที่เกินวิสัยของความเป็นมนุษย์ และก็มีไม่กี่คนที่สามารถทำได้ จนกระทั่งมีความรู้สึกว่า สมาธิน่าจะเป็นเรื่องของนักบวชหรือพวกพระภิกษุ สามเณร จึงทำให้พลาดโอกาสที่จะเข้าถึงความสุขและความสำเร็จไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมาธินั้น แม้เป็นสิ่งที่ฝึกได้ยาก แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัย เพราะมีบุคคลทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า ข้าราชการ พนักงานบริษัท นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ มากมายหลากหลายอาชีพ ฐานะและวัย ที่สามารถฝึกสมาธิได้ จึงทำให้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข และในที่นี้อยากจะบอกกับทุกๆคนว่า สมาธินั้น เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเยาวชนในปัจจุบันนี้ เพียงแค่ว่าจะต้องมีผู้รู้และวิธีการถ่ายทอดให้อย่างดี มิฉะนั้นภาพของสมาธิจะกลายเป็นยาขม กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ จนเด็กๆพากันวิ่งหนี โดยเฉพาะวัยรุ่นสมัยใหม่ แต่เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น เพียงในช่วงแรกของการฝึก แต่ถ้าเราเริ่มต้นกับสมาธิด้วยความงดงาม เพราะมนุษย์ทุกคนทุกเพศทุกวัย ล้วนไม่ปฏิเสธความงามของชีวิตได้ และด้วยความเป็นจริง “ความงามของชีวิต” ที่เกิดจากสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต่างโหยหา เพียงแต่ยังไม่มีใครหยิบยกมาใช้ให้ได้ผลจริงเท่านั้น
สมาธิคืออะไร
สมาธิ คือ กิจกรรมทางใจ ที่ทำให้ทุกชีวิตมีคุณค่า มีสีสัน ทำให้ทุกๆวันของชีวิตแจ่มใจความเครียด ความทุกข์ ความกังวลคลี่คลายออกไป และทุกเพศทุกวัยทุกการศึกษา ล้วนทำได้ ง่ายจริงๆ
นิยามของสมาธิ เป็นสิ่งที่ให้ได้ยากมาก เพราะสมาธิเป็นกิจกรรมทางใจ ที่ให้ความหมายเป็นผลดีทั้งรูปธรรมและนามธรรมแต่ที่แน่นอนที่สุด สมาธิให้ความสุขที่ครอบครองได้จริงกับชีวิต เป็นความสุขที่ไม่สูญหาย ไม่อาจถูกผู้อื่นแย่งไปได้ และเป็นความสุขที่ขึ้นอยู่กับตนเอง ได้มีอำนาจแห่งเงินตราหรือฐานันดรใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือแม้เพียงเข้ามามีอิทธิพล คำว่า”มีสีสัน” ของสมาธิในที่นี้จึงเป็นเรื่องของความมีชีวิต มองโลกในมุมเดิมได้สวยกว่า สามารถเติมดีกรีของความสุนทรีย์กับชีวิตได้ทุกท่าน พลิกผันมุมอับให้กลับดีขึ้นได้เสมอ และถ้าจะให้เป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องและสัมผัสได้ถึงสมาธิ โดยเบื้องต้นว่าเป็น “ช่วงเวลาที่ความสงบ ความสบาย ความสดใส เข้ามารวมกันได้อย่างมีสติ” พูดเป็นตัวย่อง่ายๆ สมาธิเป็นการรวมตัวเข้าด้วยกันของสี่ ส.คือ
1. ส.สงบ 2. ส.สบาย 3. ส.สดใส 4. ส.สติ ทั้ง 4 ส. รวมกันได้สัดส่วนพอดี
สมาธิ ณ จุดที่มี สี่ ส. สมบูรณ์หรือได้สัดส่วนพอดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นสมาธิที่อยู่ในระดับพื้นฐาน แต่ก็ยังสามารถให้ประโยชน์ได้ดังนี้
1. ทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจ ควร ไม่ควร
2. มักเป็นผู้ที่มีความสดใส สบายได้เสมอ
3. ทำให้เกิดความสงบ เป็นผู้มีความสงบ
4.เป็นผู้มีความเข้าใจในสิ่งรอบข้างได้ดีขึ้น
ระดับของสี่ ส. ที่เป็นตัวปัจจัยของสมาธินี้จะพัฒนาขึ้นไปเป็นลำดับ ตามสภาพของความละเอียดอ่อนของสมาธิ
ใจหรือส่วนประกอบที่เป็นองค์ประกอบอันจะทำให้เกิดสมาธิแบ่งออกเป็น
1. อารมณ์ (Emotion)
2. ใจภายนอก หรือ ความรู้สึกนึกคิด (mind)
3. จิต หรือ ใจภายใน (Inner Spirit)
ดังนั้นหากจะเริ่มต้นทำสมาธิ พอจะแยกวิธีการหรือน่าจะเรียกว่า “ขบวนการ” มากกว่าออกได้ป็นสองรูปแบบ